เชื้อ HPV (Human Papillomavirus) เป็นกลุ่มไวรัสที่มีมากกว่า 200 สายพันธุ์ โดยเป็นไวรัสที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายผ่านการสัมผัสทางผิวหนังและเยื่อบุ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ หรือแม้แต่การสัมผัสทางอ้อมกับพื้นผิวที่มีไวรัสปนเปื้อน
HPV เป็นหนึ่งในเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยที่สุดในโลก และหลายคนอาจติดเชื้อนี้โดยไม่แสดงอาการใด ๆ ซึ่งทำให้สามารถแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว
ประเภทของเชื้อ HPV
เชื้อ HPV แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ตามระดับความเสี่ยง ได้แก่
1. กลุ่มความเสี่ยงต่ำ (Low-Risk HPV)
- ▶ มักไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง แต่สามารถทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ หูดที่มือ เท้า หรือหูดในลำคอ
- ▶ สายพันธุ์ที่พบได้บ่อยในกลุ่มนี้คือ HPV 6 และ HPV 11 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหูดหงอนไก่
2. กลุ่มความเสี่ยงสูง (High-Risk HPV)
- ▶ เชื้อในกลุ่มนี้มีความสามารถในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่โรคมะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องปากและลำคอ
- ▶ สายพันธุ์ที่อันตรายที่สุดคือ HPV 16 และ HPV 18 ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกกว่า 70% ทั่วโลก
การติดเชื้อ HPV และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
เชื้อ HPV สามารถติดต่อได้หลายทาง ได้แก่
✔️ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน (ช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก)
✔️ การสัมผัสโดยตรงกับบริเวณที่ติดเชื้อ
✔️ การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ติดเชื้อ เช่น มีดโกน แปรงสีฟัน หรือผ้าเช็ดตัว
✔️ การคลอดลูกจากแม่ที่ติดเชื้อไปสู่ทารก
ความเสี่ยงของการติดเชื้อขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
🔸 จำนวนคู่นอน – ยิ่งมีคู่นอนหลายคน ยิ่งเสี่ยงสูง
🔸 ระบบภูมิคุ้มกัน – ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV หรือผู้ที่รับยากดภูมิ เสี่ยงต่อ HPV มากขึ้น
🔸 พฤติกรรมทางเพศ – การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยหรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มความเสี่ยง
อาการของการติดเชื้อ HPV
ส่วนใหญ่แล้ว การติดเชื้อ HPV ไม่แสดงอาการชัดเจน โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม หากเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูด อาจพบอาการดังนี้:
🔹 หูดที่อวัยวะเพศ – ตุ่มเนื้อเล็ก ๆ สีชมพูหรือเนื้อ ที่อาจรวมตัวกันเป็นกลุ่มคล้ายดอกกะหล่ำ
🔹 หูดที่มือหรือเท้า – เป็นตุ่มแข็ง ๆ มักพบในเด็กและวัยรุ่น
🔹 หูดในลำคอ – เกิดจากการติดเชื้อผ่านทางปาก อาจทำให้เสียงแหบ หายใจลำบาก
กรณีที่ติดเชื้อสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง อาการที่ต้องระวัง ได้แก่
⚠️ เลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน หรือหลังมีเพศสัมพันธ์
⚠️ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
⚠️ ตกขาวผิดปกติ มีเลือดปน
⚠️ กลืนอาหารลำบาก หรือเสียงแหบเรื้อรัง (กรณีมะเร็งช่องปากและลำคอ)
HPV กับโรคมะเร็ง
เชื้อ HPV เป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดมะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะ
✅ มะเร็งปากมดลูก – พบมากที่สุดในเพศหญิง
✅ มะเร็งทวารหนัก – พบได้ในทั้งชายและหญิง โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
✅ มะเร็งช่องปากและลำคอ – เกิดจากการติดเชื้อ HPV ผ่านทางปาก
✅ มะเร็งอวัยวะเพศชายและหญิง – พบได้น้อยแต่มีความเสี่ยง
การป้องกันการติดเชื้อ HPV
ถึงแม้ว่า HPV จะติดต่อกันง่าย แต่ก็สามารถป้องกันได้โดย
1. การฉีดวัคซีน HPV – เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน HPV สายพันธุ์ที่อันตราย วัคซีนที่นิยมใช้คือ
-
◼︎ วัคซีน 2 สายพันธุ์ (ป้องกัน HPV 16 และ 18)
-
◼︎ วัคซีน 4 สายพันธุ์ (ป้องกัน HPV 6, 11, 16, และ 18)
-
◼︎ วัคซีน 9 สายพันธุ์ (ป้องกัน HPV เพิ่มเติมจากวัคซีน 4 สายพันธุ์)
💡 แนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 9-26 ปี แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถฉีดได้หากยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
2. การตรวจคัดกรอง
-
◼︎ ผู้หญิง ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย Pap Smear หรือ HPV DNA Test เป็นประจำ
-
◼︎ ผู้ชาย แม้ไม่มีการตรวจเฉพาะ แต่ควรสังเกตร่างกายและพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติ
3. การป้องกันทางเพศ
-
◼︎ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ (ช่วยลดความเสี่ยงแต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100%)
-
◼︎ หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
-
◼︎ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
เชื้อ HPV เป็นไวรัสที่แพร่ระบาดได้ง่าย และเป็นสาเหตุหลักของโรคหูด รวมถึงมะเร็งหลายชนิด แม้ว่าเชื้อนี้จะพบได้ทั่วไป แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรอง และการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยง ดังนั้น หากคุณยังไม่ได้รับวัคซีน หรือยังไม่เคยตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ควรเริ่มใส่ใจตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต!
ป้องกัน HPV ได้… เริ่มต้นที่ตัวคุณเอง! 💪💉
สำหรับผู้ที่สนใจ ตัวช่วยรักษาภาวะการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://sidegrathai.com/
Line@ : @sidegrath